บทที่ 5 เรียกพี่ไม่ค่อยชิน เรียกเจ๊สิจ๊ะเบบี้
.
.
.
“วินวิ๊นนนนนน”
“ไอ้เหี้ย!!! มึงทำอะไร!!” วินตะคอกเสียงดังลั่น ในขณะที่มือข้างหนึ่งจับขยุ้มเสื้อของคนตรงหน้าเอาไว้แน่น เตรียมที่จะง้างหมัดใส่ หากแต่คนตรงหน้ากลับตะโกนออกมาก่อน
“จะมาถีบพี่ทำม๊ายยยยย ไปถีบมันนู้นนนน” บิ้วตี้กระทืบเท้า ดิ้นรนออกจากการเกาะกุมของเดือนวิศวะ แต่เป็นรองเดือนมหาลัย คำพูดนั้นทำให้วินชะงักกึก พร้อมๆ กับเสียงของเพื่อนสนิทที่ตะโกนด่าดังขึ้น
“เฮ้ย! มึงจะไปไหนวะ!!” เมื่อหันไปมอง ก็พบว่าเจทิ้งรถเอาไว้ โดยไม่ลืมที่จะเอากุญแจติดตัวไปด้วย สองขาวิ่งตามรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง กระโดดเกาะหลังคนซ้อน แล้วดึงกระชากให้ตกลงจากรถ ไอ้คนขับก็บิดหนีสุดแรง ไม่สนใจเพื่อนที่นอนแอ้งแม้งอยู่กลางถนนแม้แต่น้อย
เจกับโจรคนนั้นแลกหมัดกันไปมา จนในที่สุดก็แย่งกระเป๋าเงินคืนมาได้ ถ่มน้ำลายปนเลือดออกจากปาก แล้วยกเท้ากระทืบอกไปอีกหนึ่งที เจเดินจากมาอย่างเท่ๆ ใช้มือเสยผมขึ้นอย่างคนโคตรแมน ทำให้บิ้วตี้ครางออกมาอย่างอดไม่อยู่
“อู้ยยยยย ผัวขาาาาา” คำพูดนั้นทำให้วินหันกลับมามองคนที่ตัวเองกำลังดึงกระชากคอเสื้ออยู่ เมื่อรู้ว่าตัวเองคงจะทำอะไรผิดพลาดไปสักอย่าง จึงค่อยๆ ปล่อยมือออกอย่างช้าๆ และมันก็พอดีกับ....
ผลั๊วะ!!
“ไอ้เหี้ยวิน!! มึงไปถีบพี่เขาทำไม!!” วินลูบหัวตัวเองเบาๆ ก่อนจะตวัดสายตาหันไปมองเพื่อนสนิทของตน
“ก็อีเจ๊นี่มันไปลวนลามเขาอะ”
ผลั๊วะ!
“ลวนลามพ่อมึงสิ พี่เขาขับรถมาแล้วไอ้เหี้ยนั่นก็ตีคู่มา ก่อนจะถีบพี่เขารถล้ม เข้ามาแย่งข้าวแย่งของ แย่งเงินแย่งรถ พี่เขาก็ต้องดิ้นรถขัดขืนไหม แต่มึงเสือกไปถีบกลางหลังพี่เขาน่ะนะ!! อีกสักทีดีไหม!” ว่าพร้อมทำท่าง้างมือจะตบกะโหลกเพื่อนอีกรอบ ทำให้วินยกมือขึ้นป้องกันหัวของตัวเองอัตโนมัติ
“แล้วกูจะรู้ไหมเล่าอีเหี้ย ก็กูเห็นตอนมันกระโดดกอดลูบไข่เขาพอดี! นึกว่าอีเจ๊นี่มันไปล้มรถลวนลามเขา!!” สายตาของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเริ่มล่อกแล่ก บ่นพึมพำในใจเบาๆ
เห็นหรอว่ะ? กูว่ากูเนียนแล้วนะ? เห็นจริงดิ?
ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เสียงวินก็ดังแทรกโสตประสาทอีกหน
“ถ้าเป็นคนอื่นก็ยังพอเชื่อว่าถูกปล้น แต่กับอีเจ๊นี่แม่งต้องเข้าไปปล้ำเขาชัวร์ๆ ขนาดกูยังเกือบโดนกัดไข่เลยนะเว้ยยยยย” เจส่ายหน้าให้เพื่อนสนิท แล้วหันมาส่งยิ้มหล่อให้กับหญิงสาวผู้ต้องเป็นจำเลย ยื่นกระเป๋าเงินไปตรงหน้า เอ่ยบอกด้วยเสียงทุ้มนุ่มนวล
“ลองตรวจสอบดูนะครับ ว่าของครบรึเปล่า” บิ้วตี้ช้อนสายตาขึ้นมองด้วยความปลื้มปริ่มใจ ในขณะที่เจหันไปสั่งเพื่อนสนิทด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม
“ส่วนมึงไอ้วิน มึงไปจัดการไอ้เหี้ยนั่นไปส่งตำรวจเลย เดี๋ยวกูพาพี่เขาไปส่งบ้านเอง” วินมองหน้าเพื่อนสลับกับใบหน้าของหญิงสาว พยักหน้ารับ ยังไม่วายทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง
“มึงจะไปส่งมันก็ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกัน ถือว่ากูเตือนมึงแล้วนะ”
“บู้วววววว พี่ไม่รักน้องวินแล้ว!! หนูชื่ออะไรจ๊ะสุดหล่อ” บิ้วตี้หันไปกระโดดกอดเอวของเจเอาไว้แน่น ใช้มือลูบปลายคางมนเบาๆ แล้วส่ายไปมาเล็กน้อย
วินส่งสายตาประมาณว่า ‘อยากให้รักตายแหละ’ กลับมาให้ แต่บิ้วตี้ก็ไม่สนใจ เดินกอดเอวของชายหนุ่มรุ่นน้อง พากันเดินไปที่รถซึ่งล้มอยู่ แล้วเริ่มต้นสตาร์ทรถ ขับออกไปช้าๆ วินหันกลับมามองคนที่ยันตัวลุกขึ้นจากพื้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง เดินเข้าไปใกล้แล้วยกเท้าเตะเสยคางจนสลบเหมือด หลังจากนั้นก็ต่อสายหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ รอเพียงไม่นานตำรวจก็มารับช่วงต่อ ตัวเองถึงได้มุ่งตรงกลับไปที่ร้าน ในขณะที่ภายในหัวสมองครุ่นคิดถึงคนๆ หนึ่ง ด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจ.....
ป่านนี้ไอ้เจจะโดนปล้ำไปรึยังว่ะ!!!
.
.
.
J Part
“ที่รักขา ชื่อเจหรอ เจ๊เรียกเจเจได้ไหมคะ น่ารักกว่าตั้งเยอะ” ตอนนี้เจกำลังนั่งตัวแข็งเกร็งตรงแน่วอยู่ภายในร้านเสริมสวยที่พึ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานนัก ซ้ายมีคนที่พึ่งจะช่วยมาหมาดๆ ประกบข้าง ขวามีหญิงสาวอีกคนประกอบกายแนบ ทำให้เจกลืนน้ำลายด้วยความหวาดผวา ส่งเสียงกรีดร้องภายในใจดังลั่น
ไอ้วินนนนนน ช่วยกูด้วยยยยยย
“อ่า ตะ ตะ ตามใจเจ๊เลยครับ” เจตอบด้วยเสียงสั่นสะท้าน เสียววาบลงที่ท้องน้อย มือข้างหนึ่งของคนที่ชื่อบิ้วตี้ลูบไล้ไปมาแถวเนินอก ในขณะที่มืออีกข้างของคนที่ชื่อเดียร์วนเวียนอยู่ที่กล้ามหน้าท้อง
“น่ารักจัง” ว่าจบก็หอมแก้มไปฟอดใหญ่ ทำให้เจสะดุ้ง หันไปมองหน้าคนข้างๆ ในทันที เดียร์ส่งยิ้มหวานหยดย้อยมาให้ เจเหลือบมองนาฬิกาบอกเวลา อ้อมแอ้มถามเสียงเบา
“คือ ผมกลับได้รึยังครับ พอดีผมมีงานต้องทำต่อ”
“อ้อ ได้สิ เดี๋ยวเจ๊ขับรถไปส่งนะ ฟู่ววววว” บิ้วตี้พูดเสียงกระเส่าข้างใบหู พร้อมกับการเป่าลมลงไปบางเบา เจทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้นมายืนตัวตรงแน่ว
“ผมไปเองได้ครับ!!” ร้องตะโกนเสียงดัง ก่อนจะวิ่งออกไปจากร้านอย่างรวดเร็วดุจสายลม ทิ้งสองสาวที่ยกมือค้างเติ่งด้วยความงุนงง
เจวิ่งหน้าตั้ง สับขาอย่างรวดเร็วมุ่งกลับไปที่ร้านของตน เห็นวินมอไซค์ขับผ่าน ไม่รอช้าที่จะโบกไม้โบกมือเรียกให้จอดอย่างบ้าคลั่ง จวบจนกระทั่งขึ้นไปซ้อนหลังได้ ก็เหลียวมองทิศทางที่พึ่งจากมาด้วยความหวั่นใจ ประหวัดหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่พึ่งจะผ่านมาไม่นานนัก.....
“เฮ้ย!!! พี่จับอะไรผม!!” รถมอเตอร์ไซค์ปัดเป๋ไปชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาวิ่งทางตรงเช่นเดิม มือข้างหนึ่งของเจทาบทับลงกับมือเล็กแต่หยาบกร้าน จับกุมกระชับเอาไว้แน่น เป็นการห้ามการกระทำใดๆ ก็ตามที่หญิงสาวกำลังทำอยู่
“พี่เจ็บแขนอ่าค่ะ แขนมะค่อยมีแรงเลย” พูดด้วยเสียงออดอ้อน โน้มตัวกอดเอวคนตรงหน้าเอาไว้แน่น แม้ว่ามือจะขยับขยุ้กขยิกแถวๆ เป้ากางเกงก็ตามที
“อะ อ่อ พี่ปล่อยก่อนดีกว่าครับ ผมอึดอัดน่ะครับ” พยายามปฏิเสธอย่างนุ่มนวล แล้วจับมือของหญิงสาวออกเบาๆ หากแต่คนที่ด้านหลังกลับตวัดวงแขนโอบกอดรัดแน่นมากยิ่งขึ้น
“พี่กลัวตกอีกอะค่ะ ขอกอดไว้หน่อยนะ เนี้ย พี่กลั๊วกลัววววว” ว่าพร้อมมือข้างหนึ่งแปะลงที่ยอดอก ลูบวนไปมา ส่วนอีกข้างนั้นใช้บดคลึงส่วนนู่นเด่นที่นอนสงบนิ่งใต้ร่มผ้า
“พะ พะ พี่ปล่อยก่อนครับ” เจเสียงสั่น หวาดกลัวคนที่กำลังกอดอยู่ขึ้นมาซะดื้อๆ
“เรียกพี่ไม่ค่อยชิน เรียกเจ๊สิจ๊ะเบบี้” ว่าพร้อมกับจับหมับ กำเอาไว้หลวมๆ กะขนาดผ่านการสัมผัสด้วยฝ่ามือ
“เฮ้ย!!! ถะ ถะ ถ้าผมเรียก แล้วพี่จะยอมปล่อยผมไหม?”
“อื้มมมมมม กะด๊ะ ถ้ายอมเรียกจะปล่อยก็ได้” เพราะสำรวจพอแล้วไงล่ะ.....
“จะ จะ เจ๊ครับ ปล่อยผมเถอะ ดะ ดะ เดี๋ยวรถล้มนะครับ” เพราะแบบนั้นจึงได้รับการกดจมูกลงที่แก้มเบาๆ แล้วละมือถอนออกไป กว่าจะตั้งสติได้ เจก็เกือบจะขับรถลงข้างทางไปอีกหน....
คิดพลางขนลุกชันไปทั่วกาย เหลือบมองทิศทางเดิมอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาสนใจถนนตรงหน้า เจใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงร้านเหล้าที่ตนทำงานอยู่ กระโดดลงจากรถ แล้วจ่ายเงินค่าวินมอเตอร์ไซค์ หมุนตัวกลับเข้าไปในร้าน ยังไม่ทันได้เดินไปทางไหนไกล ศีรษะก็ถูกบางสิ่งบางอย่างตบกระแทกลงมาอย่างหนักหน่วงจนแทบหน้าคะมำ
“โอ้ย!!!”
“หายหัวไปไหนมาห๊ะมึง!!” ชายเจ้าของร้านหนุ่มมาดเซอร์ ผมยาวหยักศกสีดำขลับถูกมัดอยู่รวบๆ ที่ด้านหลัง ปอยผมคลอเคลียใบหน้าเล็กน้อยทั้งสองข้าง มีหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้มรอบริมฝีปากและแนวกรามดูดิบเถื่อนและอาร์ตติสไปในคราวเดียวกัน
“โหพี่! ผมไปทำความดีมานะเนี้ย”
“คนอย่างมึงรู้จักดีชั่วด้วยรึไง”
“เอ้าพี่! เห็นแบบนี้ก็คนดีนะคร้าบบบบบ”
“ความดีเท่าขี้เล็บ ความชั่วมึงมีเป็นล้าน ไป ไปทำงานไป!” เจทำหน้างองุ้ม หน้ามุ่ยขัดใจ กอดอกยืนนิ่งไม่ขยับไหวแม้แต่นิด
“อะไร? นี่คืองอน? มึงคิดว่ากูจะง้อมึงรึไง ไปทำงาน!”
“โห พี่อ้ะ! พี่ว่าผม!!” แสดงสีหน้าไม่ยินยอมออกมาเต็มเปี่ยม
“หรือมึงจะบอกว่าที่กูพูดมันไม่จริง?”
“เหอะ! พี่พูดถูกแล้ว!! ถ้าไม่เห็นว่าเป็นผู้หญิงในตอนแรกคิดว่าคนอย่างผมจะช่วยเขาไหม!! ก็ไม่! มารู้เอาทีหลังไงว่าแม่งเป็นกะเทย แถมยังเป็นคนหื่นกามอีก! ถ้ารู้แบบนี้ผมจะช่วยไอ้โจรนั่นขโมยของไปแล้ว!!”
ผลั๊วะ!
“มึงนี่เลวบริสุทธิ์จริงๆ นะ ทำดีแล้วยังจะหวังผลอีก” เจลูบหัวของตัวเองปอยๆ ก่อนจะหันมาทำหน้าอ้อนกับเจ้าของร้านคนเก่งแทน
“ผมก็บ่นไปงั้นแหละ เห็นคนถูกทำร้ายตรงหน้าจะไม่ช่วยได้ยังไง” ว่าพร้อมโคลงหัวไปมา ในขณะที่โจ้ก็โบกมือไล่เบาๆ
“ไปทำงานไป มึงอู้งานมาชั่วโมงหนึ่งละ เดี๋ยวกูหักค่าแรงแม่ง”
“ไปเดี๋ยวนี้ครับ!!” ว่าพร้อมตะเบ๊ะท่า แล้ววิ่งปรู๊ดไปทางหลังร้านในทันที
“เป็นไงบ้างวะมึง” เสียงร้องทักของไอ้วินร้องทัก ทำให้ต้องหันไปทำหน้างุนงงใส่ ไม่เข้าใจสารที่มันต้องการจะสื่อ
“อะไรเป็นไง?” ทำหน้าเป็นเด็กอ๋อกะพริบตาปริบๆ ใสๆ
“โดนมันลวนลามไปกี่ยก?” เพียงเท่านั้นก็อ้าปากค้าง ชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“ไอ้เหี้ยยยยย มึงรู้!!!”
“เออ กูรู้ กูเคยโดน แม่งจับเข้าไปเต็มๆ กำมือ” วินว่าเสียงนิ่ง ในขณะที่มือถูพื้นไปพลาง เจร้องโวยวายออกมายกใหญ่
“มึงรู้แล้วทำไมไม่บอกกู๊ววววววว” เพราะเสียงโวยวายของเพื่อนสนิทที่ดิ้นเร้าๆ อยู่ทางด้านหลัง ทำให้วินหยุดชะงักงานที่ทำ หมุนกายกลับมามองเพื่อนของตัวเอง สองมือวางประกบกันที่ปลายไม้ถูพื้นแล้ววางคางลงไป เอ่ยตอบหน้าตายไร้ความรู้สึก
“กูเตือนมึงแล้วเหอะ มึงไม่ฟังกูเอง” ว่าพร้อมยักไหล่ แล้วกลับไปถูพื้นต่ออย่างไม่สนใจ
.
.
.
Dear Part
นี่ไม่ใช่ที่ๆ ควรจะมา….
นี่ไม่ใช่คนที่ควรมาเจอ.....
แต่แล้วไงละ? ไม่ชอบติดเงินใครโว้ย!
สาวประเภทสองที่อัพหน้ามาน้อยนิด นมยังยัดฟองน้ำ ก้นยังใช้แผ่นเสริม ส่วนข้างหน้านั้น.... พับเก็บอยู่เงียบๆ อย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย (แต๊บไม่ไหว มันทรมานกันเกินไป) สองเท้าเดินก้าวย่างนวยนาดเข้ามาภายในร้านแห่งหนึ่งด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง
แง๊วววววว!
ซี่ ซี่ ซี่
นก นก นก
เสียงขู่ร้องของสารพัดสิงสาราสัตว์ดังขึ้นตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาภายในร้าน ใบหน้าสวยหวานหันไปตวัดสายตามองจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำให้หมาพิทบูล แมวเปอร์เซีย งูคอมมอนคิง ตบท้ายด้วย ด้วยแก้วส่งเสียงร้องว่านกๆๆ ไม่ขาดปาก จนแทบจะปรี่เข้าไปหักคอมันทิ้ง พอหันไปมองจ้องดุดัน สัตว์เหล่านั้นก็พากันเงียบเสียงราวกับอยู่ในป่าช้า
เดียร์สะบัดหันกลับมามองทางเดิม มุ่งตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ พร้อมๆ กับใครบางคนที่เดินออกมาจากห้องตรวจ ก้มหน้าก้มตาอ่านชาตร์ผลการรักษาไปพลาง
“มีอะไรกันหรอครับ? ทำไมน้องๆ ถึงร้องเสียงดังกันจัง” ถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้น ใบหน้าหล่อใสไร้สิวตามฉบับคนหน้าตี๋มีเชื้อจีนติดตัว ดวงตาภายใต้แว่นใสทรงสี่เหลี่ยมไร้กรอบปรากฏร่องรอยของความแปลกใจ ใบหน้านั้นมีรอยช้ำติดอยู่ที่มุมปากและโหนกแก้มสร้างรอยด่างพร้อยให้ใบหน้า บ่งบอกว่าพึ่งจะไปมีเรื่องมาไม่นานนัก
เดียร์มองคนตรงหน้านิ่งงัน ไร้ความรู้สึกใดปรากฏให้เห็น จัดการวางเงินที่ยังค้างอยู่อีกครึ่งหนึ่งลงบนเคาน์เตอร์ เสียงเหรียญกระทบกระจกดังก้องกังวานไปทั่วจนน่ากลัวว่าจะแตกร้าวตามแรงกระแทก คนเป็นสัตวแพทย์ก้มมองตามมา คาดคะเนด้วยสายตา คิดเอาไว้ว่าคือจำนวนเงินที่ติดค้างกันอยู่ จึงเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยความแปลกใจที่วันนี้ไม่ได้มาด้วยความสดใสร่าเริงอย่างที่เคยเป็น
เดียร์ไม่ได้พูดอธิบายอะไรนอกจากหมุนตัวเดินออกจากร้านไปด้วยความรวดเร็ว คนเป็นหมอกะพริบตาปริบด้วยความงุนงง ปิดแฟ้มที่อยู่ในมือ วางลงบนโต๊ะ แล้วก้าวเท้ายาวๆ เดินตามไป
หมับ!
แขนเรียวยาวขาวนวลถูกจับรั้งเอาไว้ ทำให้เดียร์หันหน้ากลับไป พบคนเป็นสัตวแพทย์มองตรงมาด้วยความไม่เข้าใจ
“ปล่อย” น้ำเสียงเย็นชาแข็งกระด้างดังออกมาจากริมฝีปากสวยสีชมพูอ่อนรับกับใบหน้า พร้อมกับการบิดข้อมือให้หลุดออกจากการจับกุม เมื่อเป็นอิสระแล้วก็หมุนกายหันหลัง ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ แล้วขับออกไปในทันที
สัตวแพทย์หนุ่มมองตามหลังหญิงสาวที่มีร่างกายสมส่วน หากเป็นชายก็เรียกได้ว่าร่างเล็ก หากเป็นหญิงก็คงจะสูงโปร่งเกินไปสักหน่อย แต่อะไรก็ไม่เท่าใจที่รู้สึกกังวล จะอ้าปากร้องเรียกก็ไม่แน่ใจนัก มองตามแผ่นหลังเล็กที่เริ่มไกลห่างออกไปทุกทีๆ
ครืด!
โครม!!!
ดวงตาของหมอปริญถึงกับเบิกกว้าง เมื่อคนที่ตนกำลังจับจ้องมองตามหลังไปนั้นจู่ๆ ก็หายไปจากสายตา ล้มหน้าคะมำจูบกับพื้นถนน ด้วยสาเหตุเดียวกันกับสิ่งที่ทำให้ตนกังวลใจ ทำท่าจะขยับเท้าเดินก้าวเข้าไปหา แต่เจ้าตัวกลับใช้มือข้างหนึ่งจับจมูกโชกเลือด มืออีกข้างชี้นิ้วด้วยความอาฆาตและข่มขู่อยู่ในที ไม่ให้เขาเข้าไปช่วยเหลือ
หมอปริญจึงหยุดยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเข้าไปใกล้ เดียร์เดินโซเซลุกขึ้น แล้วประคองรถมอเตอร์ไซค์ขึ้น ไม่วายใช้เท้าเตะๆ ที่ข้างตั้งรถซ้ำๆ ด้วยความหงุดหงิดใจ บ่งบอกสาเหตุที่ทำให้รถล้มได้เป็นอย่างดี แล้วจึงขับควบขี่ออกไปอีกครั้ง ไม่เหลียวหลังมามอง
“......” หมอปริญมองภาพนั้นจนมั่นใจว่าหญิงสาวสติไม่เต็มคนนั้นจะไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก จึงหมุนตัวกลับเข้าไปทำงานภายในคลินิก ทิ้งเรื่องราวของหญิงสาวเอาไว้เบื้องหลัง
.
.
.
Winner Part
Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นพร้อมแรงสั่นภายใต้กางเกงยีน ทำให้วินหยุดชะงักเท้าที่กำลังเดินร่อนไปโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ ก้มลงหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาดู ก็เห็นว่าเป็นเบอร์ผู้ดูแลหอพักที่เขาใช้อยู่อาศัย และเหมือนว่าจะไม่ได้พึ่งโทรมา แต่โทรมาแล้วพักใหญ่ เริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนตอนนี้ก็ 4 ทุ่มเข้าไปแล้ว และดูเหมือนว่าจะโทรมาหาทุกๆ ครึ่งชั่วโมง และถี่มากยิ่งขึ้นในช่วงหลัง
วินขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองจำนวนมิสคอลที่ตัวเองพลาดไป ก่อนจะวางของทุกอย่างลงที่บาร์ แล้วเดินออกไปทางหลังร้านเพื่อรับโทรศัพท์
“ครับป้า” เอ่ยทักปลายสายด้วยความสุภาพอย่างเช่นทุกที
[วิน!! แย่แล้วลูก!! หนูรีบกลับห้องมาเร็ว!!] น้ำเสียงตกอกตกใจ ดังออกมาจากปลายสายด้วยความร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” คำสั่งนั้นยิ่งทำให้วินขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ ไม่เข้าเรื่องราวที่มา
[วันนี้เจ๊จุ้ยเข้ามาตรวจสอบบัญชีน่ะวิน ป้าช่วยหนูไม่ได้แล้ว เจ๊เขาสั่งให้คนขนของออกมาหมดแล้วเนี้ย!]
“อะไรนะครับ!”
[เนี้ย ของๆ หนูอยู่ห้องนิติหมดแล้ว เจ๊เขารอให้หนูกลับมาจ่ายค่าห้องที่ค้างไว้อยู่น่ะ] ผู้ดูแลหอพูดเสียงเบากระซิบกระซาบ บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ไม่ไกลจากเจ้านายมากเท่าไหร่นัก
“แล้วผมจะรีบกลับครับ” วินเม้มปากแน่น ก่อนจะจำใจตอบรับกลับไป ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อคิดถึงค่าเช่าห้องถึง 4 เดือนที่ตนติดค้าง ความจริงแล้วค้างมา 3 เดือน แล้วตอนนี้ก็กลางเดือนที่ 4
เมื่อคิดถึงสาเหตุของการติดค้างเงินนั้นก็ต้องถอนหายใจ เพราะต้องเก็บเงินจ่ายค่าเทอม จึงขอติดค้างค่าเช่าห้อง 2 – 3 เดือน ซึ่งถ้าเป็นหออื่น ติดเงินขนาดนี้เขาเชิญออกไปนานแล้ว แต่เพราะพยายามขอร้องให้ป้าผู้ดูแลแกช่วยเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แลกกับการใช้แรงงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อขอผ่อนผันค่าห้องออกไปก่อน
แม้ว่าในช่วงแรกๆ ที่มาอยู่ป้าเขาจะไม่ค่อยยอมให้เท่าไหร่ ตามทวงยิ่งกว่าอะไรดี แต่ก็พยายามขอร้องอยู่หลายครั้ง เพราะงั้นเวลาถึงช่วงจ่ายค่าเทอมทีไร ก็เข้าลูปแบบนี้ทุกทีจนป้าแกเองก็เริ่มชิน เพราะรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะไม่เคยกลับคำ แต่เหมือนว่าครั้งนี้ป้าเขาก็ช่วยไม่ไหว
ถอนหายใจหนักหน่วง แล้วเดินตบเท้ากลับเข้าไปในร้าน บากหน้าไปบอกกับเจ้าของร้านที่ตนทำงานด้วย เห็นพี่โจ้นั่งทำบัญชีอยู่ที่โต๊ะด้านใน วินก็ยืนอยู่หน้าประตูกระจก กำหมัดเอาไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่เป็นเวลานาน จนเจ้าของร้านสังเกตเห็น จึงขวักมือเรียกเข้ามาภายในห้อง
“มีอะไร” ถามพร้อมกับกดเครื่องคิดเลขไปพลาง
“คือ.....”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
“คือ.....”
“อะไร” ถามพร้อมกับนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด มองตัวเลขตรงหน้า ก่อนจะเริ่มลงมือคิดเลขใหม่
“คือ.....”
“โว้ยยยย อะไรของเมิ๊งงงง มึงมาคือๆ จนกูคิดเลขซ้ำไปซ้ำมาแล้วเนี้ยะ!” พี่โจ้โวยวายออกมาอย่างหมดความอดทน ถอนหายใจเฮือก โยนเครื่องคิดเลขลงบนสมุด แล้วนั่งกุมมือประสานกันไว้ บ่งบอกว่าต่อจากนี้กูจะตั้งใจฟังมึงแล้วนะ มึงรีบๆ พูดมาจะได้รีบๆ ไปจากห้องกูเสียที
“คือ.....”
“ไอ้วิน มึงอยากมีเรื่องไง๊?” ถามพร้อมทำหน้าตากวนตีน หักนิ้วรอเป็นเอฟเฟคประกอบ
อึก
วินกลืนน้ำลายลงคอ สูดลมหายใจเข้าออกตั้งสติ แล้วเอ่ยปากบอกไปรวดเดียว
“คือผมโดนไล่ออกจากหอพักครับ เพราะติดเงินค่าห้องเขาไว้ 4 เดือน ผมขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าของเดือนนี้กับเดือนหน้าได้ไหมครับ!” โจ้กะพริบตาปริบๆ
“นี่ยังไม่หมดเดือน มึงกล้ามาเบิกเงินเดือนล่วงหน้ากับกูเรอะ!!”
“ครับ” ตอบรับเสียงอ่อย
“แล้วนี่มึงกล้ามาขอเบิกของเดือนหน้าอีกหรอ!!”
“ครับ....” เสียงค่อยยิ่งกว่า
“ดี ดี มึงทำดีมากไอ้วิน!!” โจ้เสียงสั่นสะท้าน ตัวสั่นไปทั้งตัว วินยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว
“พี่ครับ ผมเดือดร้อนจริงๆ นะ ผมขอเบิกล่วงหน้านะพี่ แล้วก็ถ้าไม่รบกวนพี่มากเกินไป.... ผมขอมานอนที่ร้านด้วยได้ไหมครับ”
ปัง!!!
“มึงมาขอเบิกเงินกับกูยังไม่พอ มึงยังคิดจะมาเกาะกูกินอีกเร๊อะ!! เมิ๊งงงงงงง” วินทำหน้าเครียดออกมา ก้มหน้าคอตก พยักหน้ารับ
“ผมเข้าใจแล้วครับ งั้น... ผมขอแค่เดือนนี้ก่อนก็ได้...”
“ได้ไอ้วิน ได้!! มึงกล้าขอ!! กูก็กล้าให้! มึงเอาเงินเดือนของมึงไปเลย! แต่กูไม่ให้มึงค้างที่นี่! มึงต้องไปหาที่อื่นอยู่” พูดพร้อมหยิบสมุดเช็คออกมา เขียนเงินเดือนจำนวน 2 เดือนให้ ทำให้ไอ้เด็กหนุ่มหน้ามนคมเข้มผิวสีแทนมองด้วยดวงตาเป็นประกาย หากแต่ไม่ยอมยื่นมือออกมารับเช็คไปสักที
“มึงจะเอาไม่เอาห๊ะ!! มึงจะเอาอะไรกับกูอี้กกกก”
“ผมขอเป็นเงินสดได้ไหมครับ ถ้าผมเอาเช็คไปจ่าย เจ๊มันต้องไม่ทอนเงินผมแน่ๆ” โจ้อ้าปากค้างพะงาบๆ ชี้หน้าด่า
“มึงนะมึง! ถ้าไม่ใช่เพราะ-!!” ยังพูดไม่ทันจบดีก็หุบปากฉับ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกัดกรามกรอด แล้วจึงฉีกเช็คทิ้งไป ลุกขึ้นจากโต๊ะพร้อมกับหยิบของใช้ส่วนตัว เดินลากคอวินออกจากห้องทำงาน
“พวกมึง! เดี๋ยวกูกลับมา! อย่าให้รู้ว่าอู้งานนะ กูหักค่าแรงมึงหมดแน่!” ว่าแล้วก็เดินกอดคอวินออกจากร้านไป มุ่งตรงไปที่รถกระบะคันงามที่ถอยมาเพื่อใช้ขนของเข้าร้านโดยเฉพาะ แล้วขับออกจากโรงรถ ไปหยุดลงที่ตู้ ATM ลงไปทำธุระชั่วครู่ แล้วกลับขึ้นมาอีกครั้ง แบ่งเงินออกไปปึกหนึ่ง แล้วส่งปึกหนึ่งให้วินรับไว้แทน
“นี่เงินของมึง 2 เดือน บอกทางไปหอมึงมา คืนนี้กูให้อาศัยนอน แต่ไม่ใช่อยู่ถาวร มันขวางทางกูเวลาหิ้วใครมาเอา พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนมึงก็ไปเดินหาหอพักเอาแล้วกัน” วินพยักหน้ารับ ก่อนจะยกมือกระพุ่มไหว้
“ขอบคุณครับพี่”
“เออ” โจ้ตอบรับอย่างไม่ใส่ใจนัก น้องคนไหนมีปัญหาจริงๆ ถึงจะยื่นมือเข้าช่วย ไม่ได้หวังผลเลยนะ จริงจริ๊งงงง
